การขึ้น-ลงของราคาน้ํามันของโลกจึงเป็นปัจจัยสำคัญส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาน้ํามันในประเทศ และส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศในที่สุด ดังนั้นหากผู้ประกอบธุรกิจทราบทิศทางราคา น้ํามันในอนาคตก็จะสามารถเตรียมรับมือในการดําเนินงานหรือสามารถเตรียมแผนการดําเนนการทางธุรกิจในอนาคตได้อย่างเหมาะสม ด้านหน่วยงานภาครัฐกจะสามารถวางนโยบาย/มาตรการเพื่อเตรียมรับมือ และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าได้อย่างทันทวงที
ปัจจุบันน้ำมันเป็นทรัพยากรที่แทบจะเรียกได้ว่าสำคัญที่สุดในโลกปัจจุบัน ยิ่งโลกอุตสาหกรรมพัฒนามากขึ้นเท่าไรความต้องการบริโภคน้ำมันย่อมเพิ่มสูงตาม แต่ในทางกลับกันทรัพยากรดังกล่าวกลับมีอยู่อย่างจำกัด และอยู่ในมือของประเทศเพียงไม่กี่ประเทศ การรวมกลุ่มของประเทศผู้เป็นเจ้าของทรัพยากรน้ำมันอย่างโอเปค แสดงให้เห็นความพยายามที่จะต่อสู้กับโลกตะวันตกที่คิดแต่จะขูดรีดทรัพยากรแต่เพียงฝ่ายเดียว จากประเทศในโลกที่สามหรือเหล่าประเทศอาณานิคม ดังนั้น การใช้น้ำมันเป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองระหว่างประเทศ หลายต่อหลายครั้งจึงนำมาซึ่งวิกฤตการณ์ทางด้านพลังงาน เพราะทุกวันนี้เรายังไม่สามารถหาพลังงานทดแทนเพื่อเป็นทางเลือกได้ อดีตที่ผ่านมาทำให้โลกอุตสาหกรรมรับรู้ถึงความขมขื่นทางเศรษฐกิจ ในแง่ที่ตัวเองต้องโดนขูดรีดและถูกเอารัดเอาเปรียบบ้าง แต่ผลกระทบของราคาน้ำมันแพงกลับมิได้จำกัดอยู่แค่ประเทศอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว หากแต่ประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลายที่ยังต้องพึ่งพานำเข้าน้ำมัน ย่อมโดนลูกหลงไปด้วย สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของเศรษฐกิจทุนนิยมภายใต้ยุคโลกาภิวัตน์ได้เป็นอย่างดี
ผลกระทบที่มีต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงมากที่สุดเนื่องจากเป้าหมายการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เป็นเป้าหมายหลักของภาครัฐที่เข้ามาจัดการดูแลระบบเศรษฐกิจโดยรวม แต่เมื่อราคาน้ำมันที่แพงขึ้นย่อมทำให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจไม่มั่นคงตามไปด้วย ดังจะเห็นได้จากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงย่อมไปกดดันภาวะเงินเฟ้อ เมื่อภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อระดับรายได้ที่แท้จริงของประชาชนในชาติลดลงอีกทางหนึ่งด้วย